ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบกิจกรรมเดินป่า และกำลังตามหาแอคเซสเซอรี่ดี ๆ สำหรับใช้ในการเดินป่าอย่างนาฬิกา วันนี้เรารวมมาให้แล้วกับ 5 อันดับ นาฬิกาเดินป่า ยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2025 มาฝากทุกคนแล้ว ซึ่งจะมียี่ห้อไหนบ้าง และสเปคจะน่าสนใจขนาดไหนเราไปดูพร้อมกันเลย
ทำไมนักเดินป่าต้องมี นาฬิกาเดินป่า ยี่ห้อไหนดี
ก่อนที่เราจะไปดูกันว่า 5 อันดับ นาฬิกาเดินป่ายี่ห้อไหนดี เรามาดูกันว่าสาเหตุอะไรที่นักเดินป่า ควรสวมใส่ นาฬิกาเดินป่า ทั้งที่ปัจจุบันเราก็สามารถดูเวลาได้จากอุปกรณ์อื่น ๆ อย่าง สมาร์ทโฟน, หรือแท็ปเล็ต เป็นต้น
แต่ที่จริงแล้วการสวมใส่นาฬิกาในการเดินป่าเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมาก ๆ เพราะนอกจากที่เราจะใช้ในการดูเวลาขณะเดินป่าได้แล้ว นาฬิกาบางรุ่นยังมาพร้อมฟังก์ชันที่จำเป็นอย่างเช่น แผนที่, เข็มทิศ, ระบบส่งสัญญาณ SOS, ระบบบันทึกเส้นทางการเดินของผู้ใช้งาน และอื่น ๆ มากมาย ซึ่งแน่นอนว่ามันสะดวกกว่าการใช้งานบนสมาร์ทโฟน และมีความแข็งแรง ทนทานมากกว่า
ประเภทของนาฬิกาเดินป่า แบบไหนดียังไงบ้าง
สำหรับประเภทของนาฬิกาเดินป่า จริงแล้วมีหลากหลายประเภทด้วยกัน แต่เราของมัดรวมมาให้ 4 ประเภทหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่ นาฬิกาอนาล็อก, นาฬิกาดิจิทัล, สมาร์ทวอทช์ และ นาฬิกาเฉพาะทางสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีรายละเอียดดังนี้
- นาฬิกาอนาล็อก (Analog Watch) นาฬิกาอนาล็อกหรือนาฬิกาแบบเข็ม เป็นนาฬิกาที่มีความแข็งแรง ทนทาน และไม่ต้องห่วงเรื่องแบตเตอรี่ เพราะบางรุ่นจะมาพร้อมระบบออโตเมติกที่จะทำงานอยู่เสมอหากนาฬิกาถูกสวมใส่ และแฝงไปด้วยความหรูและคลาสสิกในตัว จึงทำให้แบรนด์นาฬิการะดับโลกอย่างเช่น Patek Philippe, Audemars Piguet, Tag Heuer, Richard Mille หรือ Rolex จะเน้นผลิตนาฬิกาประเภทนี้เป็นหลัก
- นาฬิกาดิจิทัล (Digital Watch) เป็นนาฬิกาที่มาพร้อมวัสดุที่แข็งแรง ทนทานสูง สามารถกันน้ำได้ดี และอ่านเวลาได้ง่ายกว่าแบบเข็ม และมักจะมาพร้อมฟังก์ชันที่หลากหลาย เช่นจับเวลา, ปฏิทิน, นาฬิกาปลุก, สัญญาณเตือนรายชั่วโมง, ไฟส่องสว่างสำหรับอ่านเวลาในที่มืด และในบางรุ่นยังมีเข็มทิศในตัว รวมไปถึงฟังก์ชันวัดอุณหภูมิ เป็นต้น
- สมาร์ทวอทช์ (Smartwatch) นับว่าเป็นนาฬิการที่ร้อนแรงที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นนาฬิกาที่มีฟังก์ชันที่หลากหลาย เช่น การจับเวลา, วัดค่าออกซิเจนในเลือด, วัดการเต้นของหัวใจ, การตอบกลับข้อความ และอื่น ๆ มากมาย หรือจะเรียกว่าเป็นการย่อสมาร์ทโฟนให้มาอยู่บนข้อมือเลยก็ว่าได้ แต่ข้อเสียก็มีเช่นกันไม่ว่าจะเรื่องของแบตเตอรี่ที่อาจจะไม่ยาวนาน และความทนทานที่ไม่สู้นาฬิกาชนิดอื่น ๆ
- นาฬิกาเฉพาะทางสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง (Outdoor/Adventure Watch) จะเรียกว่าเป็นนาฬิกาที่รวมเอาคุณสมบัติเด่นของนาฬิกาดิจิทัล กันสมาร์ทวอชเข้าไว้ด้วยกัน เพราะเป็นนาฬิกาที่ทั้งทนทาน มีฟังก์ชันที่จำเป็นกับสายทำกิจกรรมเอาท์ดอร์ แบตอยู่ได้ยาวนาน กันฝุ่นและน้ำลึกได้ ที่สำคัญคือใช้งานในที่ที่มีสภาพอากาศที่เลวร้ายได้ดี
วิธีเลือกซื้อ นาฬิกาเดินป่า ยี่ห้อไหนดี ให้ตอบโจทย์การใช้งาน
มีเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากได้นาฬิกาสำหรับใส่เดินป่า แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อนาฬิกาเดินป่า ยี่ห้อไหนดี ไหมคะ ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า นอกจาก นาฬิกาเดินป่ายี่ห้อไหนดี แล้วเราควรดูปัจจัยอะไรเพิ่มอีกบ้าง เพื่อให้ได้นาฬิกาที่ถูกใจ ตอบโจทย์การใช้งาน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์
- เลือกซื้อจากประเภทของนาฬิกา อย่างที่เราได้บอกไปในข้างต้นแล้วว่า นาฬิกาเดินป่ามีอยู่ 4 ประเภทหลัก ๆ ด้วยกัน ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีจุดเด่น จุดด้อยต่างกันออกไป เช่นถ้าหากเราอยากได้นาฬิกาที่ทั้งใส่ในการเดินป่าได้ด้วย ออกงานที่มีความเป็นทางการได้ด้วยการเลือกใช้นาฬิกาแบบ อนาล็อกอาจจะตอบโจทย์มากกว่า
- เลือกนาฬิกาที่มีเข็มทิศ หรือ GPS ในตัว เข็มทิศนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในการเดินป่า ถึงแม้ว่าเราควรพกเข็มทิศติดตัวไปด้วยแล้ว การมีนาฬิกาที่มีเข็มทิศ หรือ GPS ในตัวก็สำคัญไม่แพ้กัน อย่างแรกเลยคือใช้เป็นเข็มทิศสำรองหากเข็มทิศหลักเกิดความเสียหาย และสองคือใช้เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยรีเช็กความแม่นยำของเข็มทิศหลักนั่นเอง
- เลือกจากฟังก์ชันพิเศษของนาฬิกาแต่ละรุ่น ในนาฬิกาเดินป่าบางรุ่นจะมีฟังก์ชันอย่างฟังก์ชันบารอมิเตอร์เพื่อใช้สำหรับบอกความกดอากาศ ฟังก์ชันบอกระดับความสูงของพื้นที่ รวมไปถึงอาจมีโหมดสำหรับกีฬาโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้เราใช้งานได้ง่ายขึ้น และทำให้เราสามารถวางแผนรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
- เลือกซื้อความจุของแบตเตอรี่ให้สอดคล้องกับการใช้งาน หากเป็นนาฬิกาที่ต้องชาร์จแบตเตอรี่อย่าลืมเช็กว่าพลังงานแบตสามารถใช้ได้ต่อเนื่องยาวนานขนาดไหน และต้องชาร์จแบตด้วยวิธีใด เพราะในบางเส้นทางอาจต้องมีการค้างแรมระหว่างทางอาจทำให้แบตเตอรี่ของนาฬิกาไม่เพียงพอ ทำให้จำเป็นต้องชาร์จทุก ๆ วัน ซึ่งบางรุ่นก็สามารถชาร์จด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ได้เลย แต่บ้างรุ่นก็อาจจะต้องอาศัยการชาร์จจากแบตสำรอง
- เลือกนาฬิกาที่ทนทาน สามารถกันฝุ่นและกันน้ำลึก สำหรับนาฬิกาควรดู 2 ค่านี้ คือ ค่า IP (มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น) และ ค่า ATM / WR (ความดันของบรรยากาศ) ซึ่งมีวิธีการอ่านดังนี้
- ค่า IP : เช่น IP58 ตัวเลขแรกคือ “ฝุ่น” ซึ่งจะมีค่าตั้งแต่ 0 – 6 ยิ่งตัวเลขมากก็สามารถป้องกันได้มาก (5 – 6 จะสามารถป้องกันฝุ่นละอองได้) ส่วนตัวเลขที่ 2 คือ “น้ำ, ของเหลว” จะมีค่าตั้งแต่ 0 – 9K
- ค่า ATM : ค่าความดันของบรรยากาศ หรือพูดง่าย ๆ คือ ระดับความลึกของน้ำที่สามารถใช้งานนาฬิกาเรือนนี้ได้ ซึ่งตัวเลข ATM เท่าไหร่ ก็ให้คูณสิบเข้าไป (X10) เช่น 10ATM = ทนแรงดันน้ำลึกได้ 100 เมตร
- ค่า WR : มาตรฐานที่ระบุถึงระดับการกันน้ำของอุปกรณ์มักใช้ในนาฬิกา ซึ่งตัวเลขที่ระบุก็จะเป็นความลึกต่อเมตร เช่น WR100 = กันน้ำได้ 100 เมตร เป็นต้น
5 อันดับ นาฬิกาเดินป่า ยี่ห้อไหนดี ที่เป็นที่นิยม
มาถึงแล้วค่ะสำหรับ 5 อันดับ นาฬิกาเดินป่ายี่ห้อไหนดี ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักเดินป่า และกลุ่มคนรักการทำกิจกรรมกลางแจ้งทั้งหลาย ซึ่ง นาฬิกาเดินป่ายี่ห้อไหนดี2025 ทั้ง 5 อันดับจะมีนาฬิการุ่นไหนบ้าง เราไปดูพร้อมกันเลย
1. Apple Watch Ultra 2 GPS + Cellular
หากพูดถึง Apple Watch หลายคนอาจมองว่าเป็นสมาร์ทวอชทั่วไปใช่ไหมคะ แต่ที่จริงสำหรับรุ่น Ultra 2 ถึงว่าเป็น Adventure Watch ได้เลยทีเดียว เนื่องจากนาฬิการุ่นนี้เป็นนาฬิกาที่ตัวเรือนทำมาจากไทเทเนียมขนาด 49 มม. จอภาพ Retina LTPO2 OLED แบบติดตลอด ความสว่างสูงสุด 3000 Nits
มาพร้อมแอปสำคัญต่าง ๆ มากมาย เช่น ECG Footnote ที่ช่วยแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจเร็วและช้า และแอปออกซิเจนในเลือด สามารถการตรวจวัดอุณหภูมิภายนอกได้ พร้อมระบบ SOS การตรวจจับการล้มและการตรวจจับการชนกัน และส่งเสียงไซเรนข้อความช่วยเหลือ รวมไปถึงปักหมุดว่าจุดไหนโทรออกได้ เป็นต้น
- กันน้ำได้ลึก 100 ม. / ทนฝุ่น IP6X
- วัดระดับความลึกของน้ำสูงสุด 40 ม.
- GPS แบบสองคลื่น
- อุณหภูมิในการทำงานบนข้อมือ: -20° ถึง 55°
- ใช้งานได้ยาวนาน 36 ชม. และ 72 ชม.ในโหมดประหยัดพลังงาน
- ราคา 29,900 บาท
2. Garmin Instinct 3
นาฬิกาเดินป่า garmin ที่มาพร้อมหน้าจอใหญ่ขนาด 45 และ 50 มม. ที่ตัวเรือนทำมาจากพลีเมอร์เสริมไฟเบอร์ จึงทั้งแข็งแรง ทนทาน และยืดหยุ่น หน้าจอป้องกันการขีดข่วน มีไฟฉายในตัวพร้อมฟังก์ชันปรับระดับความสว่างได้ มีโปรแกรมสุขภาพและหัวใจ เช่น ระบบการติดตามสุขภาพ 24 ชั่วโมง วัดอัตราการเต้นหัวใจที่ข้อมือ เป็นต้น
ส่วนฟังก์ชันการติดตามกิจกรรมก็มีมาให้แบบจัดเต็ม โดยเฉพาะโหมดการปรับตัวเข้ากับความร้อน และความสูงที่จำเป็นกับเหล่านักเดินป่า ซึ่งเป็นโหมดที่จะช่วยเข้าใจการตอบสนองของร่างกายได้ดี และปรับตัวให้เข้ากับสภาวะของร่างกายได้อย่างเหมาะสม
- กันน้ำได้ลึก 100 ม. / ทนฝุ่น IP6X
- ระบบ GPS แบบหลายย่านความถี่ที่มาพร้อมเทคโนโลยี SatIQ
- มิเตอร์วัดความสูง บารอมิเตอร์ และเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์แบบ 3 แกน
- ใช้งานได้ยาวนาน 40 วัน (สมาร์ทวอช) / โหมด GPS สูงสุด 43 ชั่วโมง
- รองรับการชาร์จจากแสงอาทิตย์ (เฉพาะรุ่น Solar)
- ราคา 16,490 บาท
3. Casio PRO TREK รุ่น Climber Line
สำหรับใครที่อยากได้ นาฬิกาเดินป่า casio ต้อง Pro Trek เท่านั้นค่ะ เพราะรุ่นนี้ถือว่าเป็น Adventure Watch ที่แท้จริง เพราะมาพร้อมเซนเซอร์เวอร์ชัน 3 จำนวน 3 ตัว ที่ทำหน้าที่อ่านทิศทาง ความดันบรรยากาศ และความสูง เป็นต้น ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่มีความจำเป็นกับสายทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์เป็นอย่างมาก
มาพร้อม Multi Band 6 เทคโนโลยีการรับสัญญาณเทียบเวลามาตรฐานจากสถานีส่งสัญญาณวิทยุ 6 แห่งทั่วโลกทำให้นาฬิกาของคุณมีความแม่นยำสูง และไม่ต้องปรับตั้งเวลาเองแม่ไปอยู่ในไทม์โซนอื่น หน้าดิจิตอลบน LCD ใช้สำหรับแสดงผลเข็มทิศแบบดิจิทัล, บารอมิเตอร์/เทอร์โมมิเตอร์ และ ระดับความสูง เป็นต้น และในส่วนของเข็มชั่วโมง และเข็มนาทีสามารถเก็บได้ชั่วคราวเพื่อให้อ่านข้อมูลในจอได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
- กันน้ำได้ลึก 100 ม.
- ทนทานต่ออุณหภูมิต่ำ -10 °C
- มิเตอร์วัดความสูง บารอมิเตอร์ และเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์
- รองรับการชาร์จจากแสงอาทิตย์
- แสดงเวลาได้ 29 โซนเวลา
- ราคา 19,500 บาท
4. SUUNTO Race
นาฬิกาเดินป่า suunto รุ่น Race เป็นสมาร์ทวอชขนาด 49 มม. จอแสดงผล AMOLED ระบบสัมผัส ขนาด 1.43 นิ้ว พร้อมระบบติดตามความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ, Offline Map, ระบบวัด Runing Power และโหมดกีฬามากกว่า 95 ประเภท
นอกจากนี้คุณยังสามารถควบคุมการใช้งานได้ง่าย ๆ ผ่านเม็ดมะยมที่อยู่ข้างตัวเรือน จึงไม่ต้องกังวลว่ากิจกรรมของคุณจะกระทบกับการควบคุมสมาร์ทวอชเรือนนี้หรือไม่ และที่สำคัญไปกว่านั้นคือรองรับระบบดาวเทียม GNSS จึงให้ความแม่นยำสูงมาก ๆ
- กันน้ำได้ลึก 100 ม.
- ทนทานต่ออุณหภูมิต่ำ -20° C ถึง +55° C
- มี GPS รองรับความถี่ GNSS
- ใช้งานได้ยาวนาน 16 วัน (สมาร์ทวอช) / โหมด GNSS ประหยัดพลังงานสูงสุด 200 ชั่วโมง
- ราคา 14,500 บาท
5. Casio G-SHOCK Premium รุ่น GG-1000-1A5DR
นาฬิกา เดินป่า g-shock ที่มาพร้อมตัวเรือนขนาดใหญ่ เหมาะกับคุณผู้ชายโดยเฉพาะ แข็งแรง ทนทาน กันกระแทก และกันโคลน สามารถแสดงเวลาได้มากถึง 31 โซนเวลา พื้นหลังเป็นไฟแบบ LED (Super Illuminator) แบตเตอรี่ใช้ได้ยาวนานประมาณ 2 ปี พร้อมสัญญาณแจ้งเตือนเมื่อแบตเหลือน้อย ตัวสายทำมาจากเรซิน และในส่วนของเข็มทิศรุ่นนี้เป็น เข็มทิศดิจิตอลเข็มชี้ไปทางทิศเหนือ วัดและแสดงทิศทาง 1 ใน 16 จุดช่วงการวัด 0 to 359° พร้อมเทอร์โมมิเตอร์สำหรับวัดอุณหภูมิ
- กันน้ำได้ลึก 200 ม.
- มีเข็มทิศแบบดิจิทัล
- แบตเตอรี่ยาวนาน 2 ปี
- ตั้งนาฬิกาปลุก 5 ครั้ง/วัน
- ราคา 11,150 บาท
รวม 4 คำถามเกี่ยวกับนาฬิกาเดินป่า
เป็นยังไงบ้างคะเพื่อน ๆ สำหรับ 5 อันดับนาฬิกาเดินป่ารุ่นไหนดี ฉบับปี 2025 ที่เรานำมาฝากเพื่อน ๆ ในวันนี้ มีรุ่นไหนถูกใจบ้างไหมคะ แต่ถ้าชอบแล้วไม่มีเวลาออกไปซื้อที่ช้อปก็สามารถกดสั่งซื้อจากลิงค์ที่เราปักไว้ได้เลยนะคะ และก่อนที่จะจากกันไปในวันนี้เราก็จะไม่พลาดที่จะไปรวบรวมคำถามที่พบกันบ่อยเกี่ยวกับนาฬิกาเดินป่ามาฝากเพื่อน ๆ อีกเช่นเคย ซึ่งมีดังนี้
Q: นาฬิกาเดินป่าต่างจากนาฬิกาทั่วไปอย่างไร?
A: จริงแล้ว นาฬิกาสําหรับเดินป่า อาจจะไม่ได้ต่างจากนาฬิกาทั่วไปเท่าไหร่นัก แต่ส่วนใหญ่มักจะมีฟังก์ชันพิเศษที่เหมาะกับกิจกรรมเดินป่า เช่น การกันน้ำ กันกระแทก มีเข็มทิศ การวัดอุณหภูมิ ความสูง หรือ GPS ในตัว รวมไปถึงการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น เพราะการเดินป่าต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมและอากาศที่คาดเดาได้ยาก
Q: นาฬิกาเดินป่ารุ่นใดเหมาะสำหรับมือใหม่?
A: หากคุณเป็นมือใหม่ที่ยังไม่มีความรู้เรื่องการใช้เข็มทิศ หรือการอ่านพิกัดบนแผนที่ การเลือกนาฬิกาในกลุ่ม Smart Watch เช่น Apple Watch, Garmin หรือ SUUNTO จะตอบโจทย์มากกว่าค่ะ เพราะจะมาพร้อม GPS และฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย เข้าใจง่าย
Q: การอ่านมาตรฐานกันกันฝุ่นและน้ำอ่านยังไง ถ้ามีตัว X อยู่ เช่น IPX8 หรือ IP6X
A: ถ้าในค่ามาตรฐานการกันฝุ่นและน้ำมีสัญลักษณ์ “X” นั่นหมายความว่า อุปกรณ์ดังกล่าวไม่มีการทดสอบหรือไม่มีการระบุระดับการป้องกันฝุ่น หรือน้ำ โดยตัวเลขแรกจะหมายถึงการป้องกันฝุ่น (อนุภาคของแข็ง) เสมอ ส่วนตัวเลขตำแหน่งที่ 2 หมายถึงระดับการป้องกันน้ำนั่นเอง
Q: ควรเลือกนาฬิกาที่มีค่าป้องกันน้ำเท่าไหร่ถึงจะดี
A: สำหรับค่าป้องกันน้ำจะมีตั้งแต่ 0 – 9K โดยยิ่งตัวเลขสูงก็จะมีค่าการกันน้ำได้มากเช่นเดียวกัน ซึ่งเราขอแบ่งเป็น 2 ระดับค่ะ ได้แก่ ระดับ 5 – 6 คือระดับที่สามารถป้องกันฝน และน้ำที่กระเด็นใส่ได้ แต่ไม่สามารถแช่น้ำได้ แต่ถ้าจะเป็นระดับที่แนะนำเลยคือระดับ 7 – 8 ซึ่งระดับนี้จะสามารถแช่น้ำได้ประมาณ 1 เมตร ซึ่งหากระดับ 8 ก็จะสามารถแช่น้ำลึกกว่า 1 เมตรภายใต้แรงดันตามที่ผู้ผลิตระบุ