ชี้พิกัด 5 เต็นท์ naturehike รุ่นไหนดี สายแคมป์ต้องรีบกด

เต็นท์นับว่าเป็นหัวใจสำคัญของกิจกรรมแคมป์ปิ้งเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเต็นท์เป็นเหมือนที่พักอาศัย ที่เก็บสัมภาระ และที่กำบังตัวเราให้ปลอดภัยจากสภาพอากาศ และสัตว์มีพิษต่าง ๆ และถ้าคุณเป็นสายแคมป์ตัวจริง คุณต้องรู้จักกับแบรนด์ Naturehike อย่างแน่นอน ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนไปดู 5 เต็นท์ naturehike รุ่นไหนดี รุ่นยอดนิยมประจำปี 2025 

วิธีเลือกเต็นท์ยังไงให้ถูกใจ เต็นท์ naturehike รุ่นไหนดี

เต็นท์ naturehike รุ่นไหนดี

ก่อนที่จะไปดู 5 อันดับ เต็นท์ naturehikeรุ่นไหนดี เรามาดูก่อนดีกว่าค่ะว่า ทำยังไงเราถึงจะได้เต็นท์ที่ถูกใจ โดยเฉพาะมือใหม่ที่การเลือกซื้อเต็นท์อาจจะเป็นเรื่องยาก และไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ดังนั้นวันนี้เราจึงได้รวบรวม 5 วิธีในการเลือกซื้อ เต็นท์ naturehike ยังไงให้ได้เต็นท์ที่ถูกใจ ซึ่งวิธีเหล่านี้สามารถใช้กับการเลือกซื้อเต็นท์จากแบรนด์อื่น ๆ ได้ด้วย

  1. เลือกซื้อจากขนาดที่เหมาะสม 

เวลาที่เราเลือกซื้อเต็นท์ รวมไปถึงเต็นท์จาก naturehike แนะนำให้จำนวนผู้เข้าพักน้อยกว่าจำนวนที่เต็นท์รับได้เสมอ เช่น ถ้าเต็นท์รุ่นนั้นระบุว่า สามารถรองรับได้ 2 – 3 คน ให้นอนแค่ 2 คนพอค่ะ เพราะจำนวนนี้จะเป็นการระบุไว้สำหรับครอบครัวที่มีลูกเล็ก แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ การนอน 3 คนอาจจะแน่นเกินไป แต่ถ้าหากไม่ได้มีการระบุจำนวนคนแบบเจาะจง ให้เลือกตามขนาดของเต็นท์ค่ะ โดยจะมีทั้งหมดดังนี้

  • ขนาดสำหรับ 1 – 3 คน คือจะมีความกว้างที่ประมาณ 1.3 – 1.8 เมตร ความยาวตั้งแต่ 2.0 – 2.5 เมตร และสูงประมาณ 1.0 – 1.3 เมตร
  • ขนาดสำหรับ 4 คน จะมีความกว้างประมาณ ประมาณ 2.0 – 2.7 เมตร และ ยาวประมาณ 2.4 – 3.0 เมตร และความสูงประมาณ​ 1.3 – 1.8 เมตร
  • ขนาดสำหรับ 5 – 6 คน ควรจะมีความกว้างประมาณ 2.4 – 3.0 เมตร ยาวประมาณ 2.7 – 3.5 เมตร และควรมีความสูงตั้งแต่ 1.6 – 2.0 เมตรขึ้นไป แล้วสิ่งที่สำคัญคือควรเลือกเต็นท์สามารถยืนและเคลื่อนไหวภายในเต็นท์ได้สะดวกสบายมากขึ้น เพราะเต็นท์ที่มีความใหญ่ไซซ์นี้มักจะมีการใช้พื้นที่ภายในการทำกิจกรรมอื่น ๆ ด้วย และเพื่อทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไปด้วย
  1. เลือกวัสดุที่ทนทาน ป้องกันน้ำ และแสงแดดได้ดี

หากพูดถึงวัสดุของเต็นท์หลัก ๆ แล้วควรเลือกวัสดุที่ควรมีน้ำหนักเบา แข็งแรง ทนทาน และที่สำคัญคือต้องป้องกันน้ำ ลม และแสงได้ดีด้วย เพราะเวลาที่เอาไปตั้งแคมป์อาจจะต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้าย หรืออากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน 

ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับวัสดุของเต็นท์เป็นอย่างมาก โดยตัวผ้าเต็นท์ชั้นนอกและในควรเลือกที่ทำมาจาก โพลีเอสเตอร์, โพลีคอตตอน หรือ ไนลอน เป็นต้น พื้นเต็นท์ควรทำมาจากวัสดุที่มีการเคลือบสารป้องกันน้ำ เช่นเคลือบ PU, Silicone หรือ PE เป็นต้น และสิ่งสุดท้ายที่ควรให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือโครงหรือเสาเต็นท์ ควรเลือกวัสดุที่มีความเบา แข็งแรง และไม่เป็นสนิม เช่น อะลูมิเนียม หรือไฟเบอร์กลาส เป็นต้น

เต็นท์ naturehike รุ่นไหนดี
  1. เลือกจากคุณสมบัติพิเศษเฉพาะของรุ่น

นอกจากคุณสมบัติในการกันน้ำ กันลม และป้องกันแสงแดดจะเป็นเหมือนคุณสมบัติพื้นฐานที่ เต็นท์เดินป่า ควรมีแล้ว คุณก็สามารถเลือกซื้อเต็นท์ที่มีคุณสมบัติพิเศษอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เต็นท์อื่นได้ง่าย, มีช่องระบายอากาศหลายช่อง, มีเนื้อผ้าที่เหนียวเป็นพิเศษ รวมไปถึงมีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ เป็นต้น

  1. เลือกจากแบรนด์ และราคาที่สมเหตุสมผล

การเลือกซื้อเต็นท์จากแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก น่าเชื่อถือ และได้รับความนิยม นอกจากจะช่วยให้เรามั่นใจในคุณภาพของเต็นท์แล้ว ยังง่ายต่อการตามหาอะไหล่ การซ่อมในกรณีที่ต้องมีการซ่อมแซมเต็นท์ หากมีความเสียหายหลังจากใช้งาน และที่สำคัญควรเลือกซื้อเต็นท์ในราคาที่มีความสมเหตุ สมผล เทียบราคาจากหลาย ๆ ร้าน และที่สำคัญอย่ารีบร้อนจนเกินไป

  1. ความสามารถในการป้องกันน้ำ

เต็นท์แต่ละรุ่นจะออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละช่วงฤดูที่ต่างกันออกไป หรือบางรุ่นก็จะเหมาะกับการใช้งานได้ 3 ฤดู แต่จะยังไงก็ตาม สำหรับเพื่อน ๆ ที่จะเลือกเต็นท์ที่จะใช้งานในไทยเป็นหลัก นอกจากจะเลือกเต็นที่ป้องกัน UV และระบายอากาศได้ดีแล้ว สิ่งสำคัญคือ ความสามารถในการกันน้ำ โดยค่าป้องกันน้ำแต่ละระดับมีความหมายดังนี้

  • 0 – 1,000 มม. กันน้ำได้เล็กน้อย เหมาะสำหรับสภาพอากาศแห้ง หรือมีฝนตกปรอย ๆ ในระยะเวลาสั้น ๆ
  • 1,000 – 1,500 มม. กันน้ำได้ในระดับพื้นฐาน สามารถทนต่อฝนเบาถึงปานกลางได้ในระยะเวลาสั้น ๆ 
  • 1,500 – 3,000 มม. กันน้ำได้ดี เหมาะสำหรับเดินป่าและตั้งแคมป์ทั่วไป สามารถทนต่อฝนปานกลางถึงหนัก
  • 3,000 – 5,000 มม. กันน้ำได้ดีมาก เหมาะสำหรับสภาพอากาศที่เลวร้าย มีฝนตกหนักและต่อเนื่อง
  • 5,000 มม. ขึ้นไป กันน้ำได้สูงมาก เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ extreme เช่น หิมะตกหนัก หรือฝนตกหนักและลมแรงต่อเนื่อง

ประวัติความเป็นมาของแบรนด์ Naturehike แบรนด์อุปกรณ์ Outdoor ยอดฮิต

เต็นท์ naturehike รุ่นไหนดี

naturehike ออกเสียงว่า เน-เจอร์-ไฮก์ เป็นแบรนด์อุปกรณ์แคมป์ปิ้งและกิจกรรม Outdoor สัญชาติจีนที่ได้รับความนิยมสุด ๆ ในเวลานี้ โดยแบรนด์มีฐานการผลิตอยู่ที่เมืองหนิงป่อ มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2010 

ปัจจุบัน Naturehike นับว่าเป็นแบรนด์อุปกรณ์ Outdoor ที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมไปในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงในไทยด้วย เพราะด้วยสินค้าที่มีคุณภาพ ราคาจับต้องได้ และมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลายร้อยรายการ ซึ่งสินคาของเขาที่เรามักจะคุ้นเคยกันดีก็อย่างเช่น เต็นท์, ถุงนอน, ไม้เท้าเดินป่า, เฟอร์นิเจอร์แคมป์ปิ้ง รวมไปถึง แผ่นรองนอน เป็นต้น 

แนะนำ 5 เต็นท์ naturehike รุ่นไหนดี ฉบับปี 2025

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังรายชื่อ เต็นท์naturehike รุ่นไหนดี วันนี้เรารวบรวมมาให้แล้วถึง 5 รุ่นด้วยกัน และถ้าคุณที่มีแพลนกำลังอยากจะได้เต็นท์ไว้ออกไปแคมป์ปิ้งกับแฟน กับเพื่อนแบบเบา ๆ แต่ยังไม่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกซื้อ เต็นท์ naturehike ดีไหม จับมือถือ จับเมาส์ให้แน่น แล้วไปดูพร้อมกันเลย

เต็นท์ naturehike รุ่นไหนดี

1. Naturehike P series tent

Naturehike P series tent เป็นเต็นท์ที่มาพร้อม 3 ขนาดให้เลือกได้แก่ รุ่น P2, P3 และ P4 ที่สามารถรองรับได้สูงสุดถึง 4 คน ผ้าเต็นท์ด้านนอกทำมาจากโพลีเอสเตอร์210T กันน้ำ 2000 มม. พื้นเต็นท์ทำมาจากผ้าอ๊อกฟอร์ดโพลีเอสเตอร์150D กันน้ำ 2000 มม. ตาข่ายกันยุง B3 เสาเต็นท์ทำมาจาก อลูมิเนียม อัลลอย7001 และสมออลูมิเนียมขนาด 17 ซม. จำนวน 15 ตัว ผ้าเต็นท์ระบายอากาศได้ดี ที่สำคัญสามารถป้องกัน UV 50+ 

  • ขนาด: P2: 200*130+45*100 ซม. (ย*ก*ส)

P3: 205*160+45*110 ซม. (ย*ก*ส)

P4: 210*210+55*130 ซม. (ย*ก*ส)

  •  ขนาดเมื่อพับเก็บ: P2: 16*49, P3: 18*49 และP4: 24*49
  • น้ำหนัก: 2.1 กก., 2.4 กก. และ 3.0 กก.
  • สำหรับ 2 – 4 คน (ตามขนาดแต่ละรุ่น)
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ: 1,815 บาท
เต็นท์ naturehike รุ่นไหนดี

2. Naturehike Yuncheon 2 – 3 Person Ultra – Light tent

สำหรับ Naturehike Yuncheon จะมี 2 รุ่นย่อยให้เลือก คือรุ่นสำหรับ 2 คน และ 3 คน โดยผ้าเต็นท์ด้านนอกทำมาจากผ้า โพลีเอสเตอร์210T เคลือบ Silver จึงทำให้สามารถกัน UV ดีเยี่ยม, ช่วยลดความภายในเต็นท์, กันน้ำได้ดี และที่สำคัญคือช่วยทำให้ผ้าเต็นท์ทนทานก็แสงแดดมากขึ้นด้วย

พื้นเต็นท์ทำมาจากผ้าอ๊อกฟอร์ด 150D ตาข่ายกันยุงเป็นวัสดุโพลีเอสเตอร์ สมอบกทำมาจากอลูมิเนียมขนาด 17.5 ซม. จำนวน 13 ตัว และเชือกเต็นท์จำนวน 4 เส้น เสาเต็นท์อะลูมิเนียม7001 จำนวน 2 เสา หลังคาเต็นท์เปิดกว้างเพื่อมองท้องฟ้าแบบ 360 องศา หากถามว่า เต็นท์ Naturehike กันน้ำไหม รุ่นนี้สามารถกันน้ำได้ในระดับ 2000 มม. และกัน UV ในระดับ 50+

  • ขนาด: 2 person: 210*45+140+45*115 ซม./ 3 person: 220*55+180+55*15 (ย*ก*ส)
  • ขนาดเมื่อพับเก็บ: 2 person: 47*15*15 ซม./ 3 persons: 56*16*16 ซม.
  • น้ำหนัก: 2.5 กก./3.1 กก.
  • สำหรับ 2 – 3 คน (ตามขนาดแต่ละรุ่น)
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ: 2,001 บาท
เต็นท์ naturehike รุ่นไหนดี

3. Naturehike Village 6.0 2 Generation

ถ้าคุณกำลังมองหาเต็นท์ครอบครัว เต็นท์naturehike village 6 อาจจะเป็นอีกหนึ่งคำตอบสำหรับคุณก็ได้ค่ะ โดยรุ่นนี้ตัวผ้าด้านนอกทำมาจาก 150D Titanium viny I ภายในทำมาจาก 68D Oxford+120D Oxford + ตาข่ายไนลอน โครงห้องโถงเต็นท์ทำมาจากเหล็กยาว 170 ซม. จำนวน 2 เสา สมอเต็นท์เรืองแสง 20 ซม. จำนวน 16 ตัว และเชือกไนลอน 3M จำนวน 8 เส้น และสำหรับความสามารถในการกันแสงและน้ำ Village 6.0 2 Generation รุ่นนี้ สามารถกันน้ำในระดับ 2000 มม. และสามารถป้องกัน UV ได้ด้วย

  • ขนาด: 540*260*190 (ภายนอก), 260*230*180 (ภายใน) (ย*ก*ส)
  • ขนาดเมื่อพับเก็บ: 98*25 ซม. (ย*ก)
  • น้ำหนัก: 13.6 กก.
  • สำหรับ 4 คน 
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ: 7,121 บาท
เต็นท์ naturehike รุ่นไหนดี

4. Naturehike Mongar2

เต็นท์สำหรับนักเดินป่า หรือนักเดินทางโดยเฉพาะ เนื่องจากตัวเต็นท์มาพร้อมน้ำหนักที่เบาเพียง 2.18 กก. ขนาดกะทัดรัดทำให้ง่ายต่อการพกพา มีหลายรุ่นย่อยให้เลือก ได้แก่ 20D, 21T และ 15D ซึ่งเป็นตัวเลขที่ของวัสดุที่ใช้สำหรับทำฟลายชีทของเต็นท์ด้วย และนอกจากฟลายชีทที่ใช้วัสดุต่างกันแล้ว ภายในที่จะเป็นในส่วนของตาข่าย รวมไปถึงความสามารถในการป้องกันน้ำก็ต่างกันด้วย ถ้าเป็นรุ่น 20D Nylon Silicone จะสามารถกันน้ำ PU4000 มม., 210T Polyester กันน้ำ PU3000mm และ 15D Nylon ฟลายชีทจะสามารถกันน้ำได้ที่ PU2000 มม. ส่วนภายในจะกันได้ 4000 มม.เลยทีเดียว และความพิเศษของรุ่นนี้คือสามารถป้องกันหิมะได้ด้วย

  • ขนาด: 210*60+135+60*100 ซม. (ย*ก*ส)
  • ขนาดเมื่อพับเก็บ: 50*15*15 ซม.
  • น้ำหนัก: 2.18 กก. (20D) / 1.95 กก. (15D) และ 2.5 กก. (21T) 
  • สำหรับ 2 คน 
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ: 2,986 บาท
เต็นท์ naturehike รุ่นไหนดี

5. Naturehike Cloud up Pro 2

ถ้าคุณกำลังตามหาเต็นท์เดินป่าที่น้ำหนักเบา พกพาง่าย และเหมาะกับการใช้งานในที่ที่มีลมแรงอย่างภูเขาสูง หรือเชิงเขา Naturehike Cloud up Pro อาจจะเป็นหนึ่งในคำตอบที่ใช่สำหรับคุณก็เป็นไปได้ค่ะ เพราะรุ่นนี้จาก naturehike มาพร้อมน้ำหนักที่เบาเพียง 1.8 กก.เท่านั้น ฟลายชีททำมาจาก 20D ไนลอนเคลือบซิลิโคน จึงทำให้สามารถป้องกันน้ำได้ถึง PU2000 มม.+ 

ด้วยรูปทรงเต็นท์แบบ Double Y เสาอะลูมิเนียมต้นเดียวจึงทำให้กางง่าย และกางได้อย่างรวดเร็ว ด้านในมีจุดสำหรับแขวนไฟ 1 จุด หน้าต่างระบายอากาศ 2 ช่อง หลังคาสูงทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไป

  • ขนาด: 210*130*105 ซม. (ย*ก*ส)
  • ขนาดเมื่อพับเก็บ: 13*40 ซม. (ก*ย)
  • น้ำหนัก: 1.8 กก.
  • สำหรับ 2 คน 
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ: 3,657 บาท

4 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลือกซื้อเต็นท์ Naturehike

เต็นท์ naturehike รุ่นไหนดี

เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับ 5 อันดับ เต็นท์ naturehike แต่ละรุ่น ที่เรานำมาแนะนำให้กับทุกคนในวันนี้ มีรุ่นไหนถูกใจบ้างไหมคะ ถ้าชอบและอยากสัมผัสกับของจริงก็สามารถกดสั่งซื้อจากลิงค์ที่เราปักไว้ให้ได้เลย และก่อนที่จะจากกันไปในวันนี้เพื่อเป็นการไขข้อสงสัยต่าง ๆ ที่มีเกี่ยวกับแบรนด์ เราก็เลยไม่พลาดที่จะไปหาคำตอบมาให้เพื่อน ๆ อีกเช่นกัน และนี่คือ 4 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Naturehike

Q: แบรนด์ Naturehike ของประเทศอะไร

A: Naturehike เป็นแบรนด์ผู้ผลิตอุปกรณ์ Outdoor สัญชาติจีน และมีฐานผลิตอยู่ที่เมืองหนิงป่อ มณฑลเจ้อเจียง

Q: เต็นท์สำหรับครอบครัว ควรเลือกแบบไหนดี

A: การเลือกเต็นท์สำหรับครอบครัวนั้นจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกันค่ะ เช่น จำนวนสมาชิก, งบประมาณ, ความถี่ในการใช้งาน รวมไปถึงรูปแบบในการใช้งานด้วย ด้วยรูปทรงก็สามารถเลือกได้หลายแบบค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแบบเคบิน, ทรงโดม, ทรงอุโมงค์, กระโจม, ทรงป๊อบอัพ เป็นต้น

Q: เต็นท์ Naturehike รุ่นไหนที่เหมาะกับกับนักเดินป่า

A: หากคุณเป็นนักเดินป่าที่ต้องการเต็นท์ที่มีน้ำหนักเบา ทนทาน กันน้ำ และระบายอากาศได้ดี เราขอแนะนำเต็นท์ Naturehike Cloud up 1 เต็นท์ 3 ฤดูกาลที่ผ้าเต็นท์ทำมาจาก 20D ไนลอน กันน้ำได้ถึง 4000 มม. พื้นกันน้ำได้ถึง 3000 มม. และมีราคาเริ่มต้นเพียง 3,533 บาท

Q: ผ้าเต็นท์ควรกันน้ำได้เท่าไหร่ถึงจะดี

A: สำหรับเต็นที่สามารถใช้งานได้ในสภาพอากาศที่หลากหลายทั่วไปแล้วฟลายชีท หรือผ้าเต็นท์ควรกันน้ำอยู่ที่ 2,000 มม. ขึ้นไป ส่วนพื้นเต็นท์ก็ควรอยู่ที่ 3000 มม. ขึ้นไป

Picture of BOYTRAVELLERS TEAM
BOYTRAVELLERS TEAM

สวัสดีครับ พวกเราคือทีมงาน BOYTRAVELLERS เราเป็นเว็บไซต์ที่มีแบรนด์อุปกรณ์แคมป์ปิ้งของตัวเอง เราจึงมีความเชี่ยวชาญทางด้านการแคมป์ปิ้งอย่างมาก โดยเราได้มุ่งเน้นการนำเสนอข้อมูลของการแคมป์ปิ้งและเรื่องราวการท่องเที่ยวแบบครบวงจร โดยเน้นความเป็นเอกลักษณ์และประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แตกต่าง ตั้งแต่การสำรวจแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ การแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ไปจนถึงเคล็ดลับและคำแนะนำสำหรับนักเดินทางทุกระดับ อีกทั้งเรายังมีการจัดอันดับสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ สำหรับนักเดินทางหรือผู้ใช้ทั่วไป เพื่อให้ความรู้และข้อมูลที่ถูกต้องเที่ยงตรงมากที่สุดในการตัดสินใจครับ

RECENT POST